วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

บันทึกการอ่านเรื่องที่๓๐

วันที่ ๒๒ เดือน กุมภาพันธ์  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : สมมาตร์ มีศิลป์ ชีววิทยาพาท่องโลก
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)  หน้า ๒๑ - ๔๖


กำเนิดของสัตว์


     นักวิทยศาษตร์ได้สันนิษฐานว่า สัตว์น่าจะมีวิวัฒนาการเกิดขึ้นในช่วงดวลาประมาณ ๑,๐๐๐ ถึง ๕๘๐ ล้านปีที่ผ่านมา แต่พบหลักฐานจากซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์น้อยมาก อาจเป็นไปได้ว่าสัตว์ที่เกิดขึ้นในยุคแรกๆน่าจะมีร่างกายอ่อนนุ่ม ไม่มีโครงร่างแข็งจึงไม่ปรากฎร่องรอยในซากดึกดำบรรพ์ แต่จะพบซากดึกดำบรรพ์จำนวนมากในช่วงเวลาประมาณ ๕๔๐ ล้านปี ระหว่างปลายมหายุคพรีแคมเบรียนและตอนต้นของยุคแคมเบรียน โดยซากดึกดำบรรพ์ที่พบในยุคแรกๆเป็นซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ในไฟลัมไนดาเรียที่เหมือนไฮดราในปัจจุบัน และสัตว์ในไฟลัมมอลคัสคาที่มีลำตัวอ่อนนุ่ม และจากหลักฐานต่างๆสนับสนุนแนวคิดที่ว่าสัตว์น่าจะมีวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษพวกแฟลเจลเลต

ลักษณะของสัตว์
     สัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตอยู่กลุ่มยูคาริโอตที่มีหลายเซลล์ ไม่มีผนังเซลล์ เซลล์จัดเรียงตัวกันเป็นเนื้อเยื่อ เป็นพวกเฮเทอโรโทรป (hrterotroph) ที่ไม่สามารถสร้างอาหารเองได้ต้องอาศัยอาหารจากสิ่งมีชีวิตอื่น ทำให้สามารถดำรงชีวิตเป็นผู้บริโภคในระบบนิเวศได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการเรียนรู้และตอบสนองต่อสิ่งเร้า รวมทั้งมีการเคลื่อนไหวโดยการทำงานของเนื้อเยื่อประสาทแบะกล้ามเนื้อ

บันทึกการอ่านเรื่องที่๒๙

วันที่ ๒๒ เดือน กุมภาพันธ์  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : Gillian Doherty โลกของนก
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ บริษัท สำนักพิมพ์ ที เจ เจ จำกัด  หน้า ๔๒ - ๕๘



การศึกษาเกี่ยวกับนก

     
     ศาสตร์ในการเรียนรู้เกี่ยวกับนก เรีกว่าปักษีวิทยา นักปักษีวิทยามืออาชีพมีวิธีต่างๆนานาที่จะเรียนรู้เรื่องนกที่เห็นอยู่ทุกวันได้ โดยจับตามองพวกมันอย่างใกล้ชิด

การดูนก
     ในการศึกษาเรื่องนก อาจเข้าร่วมกลุ่มนักนิยมธรรมชาติ หรือเพียงแค่ดูนกในสวนหลังบ้าน หรือในสวนสาธารณะ เป็นเรื่องที่ดีที่จะไปดูนกบริเวณที่เดิมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูว่านกชนิดใดบ้างที่มา ณ ที่นั้น และพวกมันมีพฤติกรรมอย่างไรในช่วงเวลาต่างๆกันของวันหรือของปี

การแยกแยะนกชนิดต่างๆ
     เราสามารถแยกแยะชนิดของนกได้ โดยดูจากรูปร่างและลักษณะพิเศษของมัน อย่างไรก็ตาม นกหลายๆชนิดขี้อายมากจึงยากที่จะเห็นพวกมันถนัด นักปักษีวิทยาเรียนรู้วิธีแยกแยะชนิดของนกจากเพลงและเสียงเรียกของมันด้วย

อุปกรณ์

     อุปกรณ์พื้นฐานที่ต้องมีในขณะที่ดูนกก็คือ สมุดบันทึก กล้องส่องทางไกล และแผนผังของสถานที่ที่ประกอบด้วยรูปและคำบรรยายที่ทำให้สามารถแยกแยะชนิดของนกได้ สมุดบันทึกมีไว้เพื่อร่างรูปนกและบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพวกมัน เช่น ขนาด ลักษณะพิเศษ และรูปร่างของปาก ควรบันทึกไว้ทุกครั้งว่าเห็นนกแต่ละชนิดที่ไปนและเมื่อไหร่

บันทึกการอ่านเรื่องที่๒๘

วันที่ ๒๒ เดือน กุมภาพันธ์  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : Gillian Doherty โลกของนก
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ บริษัท สำนักพิมพ์ ที เจ เจ จำกัด  หน้า ๑๒ - ๓๐



นกคืออะไร


     นกเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีขนและปีก นกส่วนใหญ่บินได้ แต่ก็มีนกบางชนิดบินไม่ได้ นกถูกพบทั่วโลกคือในทะเลทรายที่ร้อนจัด ในแถบขั้วโลกที่หนาวเย็นและบนภูเขาสูง

ประเภทของนก
     มีนกชนิดต่างๆมากกว่า ๙,๐๐๐ ชนิด นกในกลุ่มชนิดเดียวกันจะมีสีสันลวดลายและรูปร่างคล้ายคลึงกัน จำนวนชนิดของนกที่เรารงุ้จักมีเพิ่มขึ้นเสมอ เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ค้นพบนกชนิดใหม่ๆในดินแดนที่ห่างไกลอีกเรื่อยๆ และนักวิทยาศาสตร์สามารถจำแนกความแตกต่างระหว่างนก ซึ่งเดิมเข้าใจว่าเป็นนกชนิดเดียวกัน

หน้าที่ของขน
     นกทุกชนิดมีขนที่ซ้อนๆกันปกคลุมอยู่ ขนของนกบางชนิดทำให้มันอบอุ่น ขนของนกบางชนิดช่วยทำให้มันบินได้ ขนนกประกอบด้วยวัสดุที่เรียกว่า เคราทิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเล็บและผมของมนุษย์ด้วย
ขาและปีก
     สัตว์หลายชนิดมีสี่ขา แต่นกมีแค่สองขา แทนที่จะมีขาหน้าสองขาเหมือนสัตว์อื่น นกมีปีกแทน นกทุกชนิดมีปีกแม้แต่นกชนิดที่บินไม่ได้

ปากนก

     นกมีปากเป็นจงอยแหลมและแข็ง แต่ด้านในจะเป็นเนื้อที่นิ่ม นกจะใช้งอยปากจิกอาหารขึ้นมา เพราะพวกมันไม่มีมือ 

บันทึกการอ่านเรื่องที่๒๗

วันที่ ๒๒ เดือน กุมภาพันธ์  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : ดร.ปรียานุช ธรรมปิยา วิกฤตเศรษฐกิจ ๒๕๔๐ กับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)  หน้า ๙๑ - ๑๒๔



ปรัชญาของเศนษฐกิจพอเพียง



      “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ความก้าวทันต่อยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่างๆมาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ นักทฤฎีและนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน คามเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพ้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและว้างขวางทั้งด้านวัตุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัตณธรรมตากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี

บันทึกการอ่านเรื่องที่๒๖

วันที่ ๒๒ เดือน กุมภาพันธ์  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : สนิท อักษรแก้ว ป่าชายเลน นิเวศวิทยาและการจัดการ
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  หน้า ๘๙ - ๑๐๖



สาหร่ายในป่าชายเลน
    

         สาหร่ายนับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของป่าชายเลน และพบเห็นอยู่หลายชนิด กาญจนภาชน์ (๒๕๑๙) ได้ศึกษาชนิดของสาหร่ายปริเวณป่าชายเลน และสรุปได้ว่า มาหร่ายในป่าชายเลนอาจจำแนกออกได้เป็น ๒ พวกใหญ่ คือ พวกสาหร่ายที่อาศัยอยู่ตามต้นหรือต้นโกงกางหรือแสม และพวกที่ขึ้นอยู่ตามพื้นโคลนหรือเลน หรือโคลนปนทราย โดยเฉพาะพวกหลังนี้จะฝังส่วนโคนอยู่ในโคลนและจะโผล่เฉพาะบางส่วนขึ้นมาเหนือผิวโคลน หรืออาจขึ้นเกาะอยู่ตามก้อนหิน ก้อนกรวด เปลือกหอย หรือดศษใบไม้บริเวณป่าชายเลน บางชนิดก็จะขึ้นอยู่ตามผิวหน้าของโคลน สำหรับสาหร่ายพวกแรกที่ขึ้นอยู่ตามรากโกงกางและแสมนั้น มักจะอยู่ในบริเวณระหว่างน้ำขึ้นและนำ้ลง (intertidal zone) ซึ่งบริเวณนี้เมื่อน้ำขึ้นเต็มที่จะท่วมถึง เเละเมื่อน้ำลดสาหร่ายพวกนี้จะแห้งและเกาะติดอยู่กับรากหรือต้นของพืชที่เกาะอาศัยอยู่นั้น และเมื่อได้รับน้ำทะเลในช่วงน้ำขึ้นก็จะพองตัวได้เหมือนเดิมอีก สาหร่ายพวกนี้สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาวะสิ่งแวดล้อมได้ดี เช่น จะขึ้นประสานอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ จึงทำให้ไ่ขาดน้ำในช่วงน้ำลด และอีกประการหนึ่งสาหร่ายพวกนี้มักจะขึ้นอยู่ในบริเวณที่ไม่ได้รับแสงแดดเต็มที่ เพราะถ้าได้รับแสงแดดเต็มที่แล้ว เวลาน้ำลดสาหร่ายพวกนี้อาจจะตายได้ ด้วยเหตุนี้จึงพบว่าบริเวณที่ได้รับแสงแดดน้อยจะมีสาหร่ายขึ้นซับซ้อนกันอย่างหนาแน่น สาหร่ายชนิดที่สำคัญและพบอย่างสม่ำเสมอในบริเวณป่าชายเลนซึ่ได้ศึกษาและรวบรวมโดย กาญจภาชน์ (๒๕๑๙) มีทั้งหมด ๑๖ วงศ์ ๑๘ สกุล ๔๖ ชนิด 


บันทึกการอ่านเรื่องที่๒๕

วันที่ ๒๒ เดือน กุมภาพันธ์  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : สนิท อักษรแก้ว ป่าชายเลน นิเวศวิทยาและการจัดการ
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  หน้า ๖๑ - ๘๖



การเจริญเติบโตของแพลงตอนในป่าชายเลน
     

     ผลผลิตขั้นปฐมภูมิของกลุ่มแพลงตอน (plankton community) ในน้ำบริเวณป่าชายเลน Ong et al., (๑๙๘๔) ได้ศึกษาบริเวณลำคลองในป่าชายเลนที่มีกลุ่มไม้โกงกางเป็นไม้เด่นที่ Matang ประเทศมาเลเซีย และพบว่าผลผลิตขั้นปฐมภูมิรวม (gross primary productivity) จะอยู่ระหว่าง ๐.๑๔ ตันคาร์บอนต่อไร่ต่อปี (คลองเล็ก) และ ๐.๕๖ ตันคาร์บอนต่อไร่ต่อปี (คลองใหญ่) แต่ผลผลิตสุทธิ (net primary productivity) เท่ากับศูนย์ สำหรับ Twilley (๑๙๘๒) ได้ศึกษาผลผลิตของแพลงตอนในป่าชายเลนกลุ่มไม้แสมที่ Rookey Bay ในฟลอริดา สหรัฐอเมริกา และพบว่าในน้ำป่าชายเลนมีผลผลิตขั้นปฐมภูมิรวมของแพลงตอนประมาณ ๐.๕๘ ตันคาร์บอนต่อไร่ต่อปี และผลผลิตขั้นปฐมภูมิสุทธิประมาณ ๐.๔๐ ตันคาร์บอนต่อไร่ต่อปี นอกจากนี้ Tundisi et al., (๑๙๗๓) พบว่าผลผลิตขั้นปฐมภูมิรวมของแพลงตอนในบริเวณป่าชายเลนประเทศบราซิลมีช่วงระหว่าง ๐.๐๖ - ๐.๔๖ ตันคาร์บอนต่อไร่ต่อปี ส่วนในประเทศไทย Wium-Anderson (๑๙๗๙) ได้ศึกษาผลผลิตของแพลงตอนพืชบริเวณอ่าวใกล้ป่าชายเลนจังหวัดภูเก็ต และพบว่ามีผลผลิตสูงถึง ๐.๗๕ ตันคาร์บอนต่อไร่ต่อปี อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าการศึกษาในเรื่องดังกล่าวยังมีน้อยมาก


วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

บันทึกการอ่านเรื่องที่๒๔

วันที่ ๒ เดือน กุมภาพันธ์  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : ไพบูลย์ เปียศิริ แก้ปัญหาคอมพิวเตอร์อย่างมือเซียน
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)  หน้า ๖๑ - ๘๖



ชนิดของคอมพิวเตอร์


คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ
     คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้งานบนโต๊ะ โดยทั่วไปจะมีขนาดใหญ่กว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลชนิดอื่นๆ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจะประกอบด้วยส่วนต่างๆที่แยกออกจากกัน ส่วนประกอบหลักที่เรียกว่า หน่วยระบบ มักจะเป็นเครื่องทรงสี่เหลี่ยมซึ่งวางอยู่บนหรือใต้โต๊ะ ส่วนประกอบอื่นๆเช่น จอภาพ เมาท์ และแป้นพิมพ์ จะเชื่อมต่อกับหน่วยระบบ

คอมพิวเตอร์แล็ปท็อป
     คอมพิวเตอร์แล็ปท็อป เป็นพีซีแบบเคลื่อนที่ได้ มีน้ำหนักเบาและมีหน้าจอที่บาง หรือมักจะเรียกว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เพราะมีขนาดเล็ก ดังนั้นคุณจึงสามารถนำแล็ปท็อปไปได้ทุกที่ อย่างไรก็ตามแล็ปท็อปจะไม่เหมือนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เนื่องจากจะร่วม CPU หน้าจอแล้วแป้นพิมพ์ไว้ในเครื่องเดียวกัน หน้าจอจะพับลงบนแป้นพิมพ์เมื่อไม่ได้ใช้งาน

คอมพิวเตอร์มือถือ
     คอมพิวเตอร์มือถือ หรือที่เค้าเรียกว่า เครื่องช่วยงานส่วนบุคคลแบบดิจิทัล(PDA) เป็นคอมพิวเตอร์ที่ทำงานด้วยแบตเตอรี่ และเล็กพอที่จะพาไปด้วยทุกที่ แม้ว่าประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์มือถือจะไม่เท่ากับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือแล็ปท็อป แต่คอมพิวเตอร์มือถือก็มีประโยชน์สำหรับการกำหนดการนัดหมาย การเก็บที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ รวมถึงการเล่นเกมต่างๆ

แท็บเล็ตพีซี
     แท็บเล็ตพีซี คือพีซีเคลื่อนที่ที่รวมคุณลักษณะของแล็ปท็อปและคอมพิวเตอร์มือถือเข้าด้วยกัน แท็บเล็ตพีซีเหมือนกับแล็ปท็อป คือมีประสิทธิภาพมากและมีหน้าจอในตัว แท็บเล็ตพีซีเหมือนกับคอมพิวเตอร์มือถือตรงที่อนุญาติให้คุณเขียนบันทึกหรือวาดภาพบนหน้าจอ โดยทั่วไปใช้ปากกาแท็บเล็ต แทนที่จะเป็นสไตลัส นอกจากนี้ยังสามารถแปลงรายมือของคุณให้เป็นข้อความแบบพิมพ์ได้ แท็บเล็ตพีซีบางเครื่องเป็นเครื่องแบบ "พับ" โดยมีหน้าจอที่หมุนได้และเปิดออกเพื่อให้เห็นแป้นพิมพ์ที่อยู่ด้านล่าง

บันทึกการอ่านเรื่องที่๒๓

วันที่ ๒ เดือน กุมภาพันธ์  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : ไพบูลย์ เปียศิริ แก้ปัญหาคอมพิวเตอร์อย่างมือเซียน
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)  หน้า ๓๓ - ๔๘



ความหมายและความเป็นมาของคอมพิวเตอร์


     คอมพิวเตอร์ คือ เครื่องมือหรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (computer นิยมอ่านในภาษาไทยว่า คอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความสามารถในการคำนวณอัตโนมัติตามคำสั่ง ส่วนที่ใช้ประมวลผลเรียกว่าหน่วยประมวลผลชุดของคำสั่งที่ระบุขั้นตอนการคำนวณ เรียกว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นอาจเป็นได้ทั้ง ตัวเลข ข้อความ รูปภาพ เสียง หรืออยู่ในรูปอื่น ๆ อีกมากมาย
     ลักษณะทางกายภาพของคอมพิวเตอร์นั้นมีหลากหลาย มีทั้งขนาดที่ใหญ่มากจนต้องใช้ห้องทั้งห้องในการบรรจุ และขนาดเล็กจนวางได้บนฝ่ามือ การจัดแบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์สามารถจัดแบ่งได้ตามขนาดทางกายภาพเป็นสำคัญ ซึ่งมักจะแปลผันกับประสิทธิภาพความเร็วในการประมวลผลโดยขนาดคอมพิวเตอร์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเรียกว่า ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ใช้กับการคำนวณผลทางวิทยาศาสตร์ ขนาดรองลงมาเรียกว่า เมนเฟรม มักใช้ในบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องมีการประมวลผลธุรกรรมทางธุรกิจจำนวนมากๆ สำหรับคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ใช้ในระดับบุคคลเรียกว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่พกพาได้เรียกว่า คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ส่วนคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สามารถวางบนฝ่ามือได้เรียกว่า พีดีเอ อย่างไรก็ตามคอมพิวเตอร์มีใช้กันอย่างกว้างขวางมาก ซึ่งมีอุปกรณ์หลายๆชนิดได้นำคอมพิวเตอร์ ไปใช้เป็นกลไกหลักในการทำงาน เช่น กล้องดิจิทัล เครื่องเล่นเอ็มพีสามหรือในรถยนต์เองก็มีคอมพิวเตอร์ที่ใช้ช่วยใน การตรวจสอบระบบการทำงานของเครื่องยนต์

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559

บันทึกการอ่านเรื่องที่๒๒

วันที่ ๒๕ เดือน มกราคม  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : ชาญชัย อาจินสมาจาร ดาวฤกษ์ที่น่ารู้จัก
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ สำนักพิมพ์อักษรวัฒนา  หน้า ๓๐ - ๔๒


ดาวฤกษ์กับดาวเคราะห์


     ดาวเคราะห์เป็นหินรูปทรงกลมที่หมุนรอบดาวฤกษ์ เมื่อดาวฤกษ์ก่อตัวขึ้นเป็นครั้งแรก ดาวเคราะห์ก็ก่อตัวขึ้นมาเช่นเดียวกัน มันมาจากกลุ่มก๊าซและฝุ่นเช่นเดียวกับดาวฤกษ์
     ระบบสุริยะของเราก่อตัวขึ้นเมื่อกลุ่มก๊าซหดตัวโดยก่อตัวเป็นดวงอาทิตย์ ไม่ใช่กลุ่มก๊าซทั้งกลุ่มที่ถูกดูดไปเพื่อก่อตัวเป็นดวงอาทิตย์ วงแหวนของก๊าซและฝุ่นที่เหลือหมุนรอบดวงอาทิตย์ที่เพิ่งก่อตัวใหม่ จุดเล็กๆของวงแหวนเริ่มจับตัวเข้าด้วยกัน มันค่อยๆจับตัวเป็นก้อนแข็งคล้ายก้อนหินอย่างช้าๆ จากนั้น หินเหล่านี้ก็จะกลายเป็นดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์ที่เหมือนกับโลกต้องใช้เวลา ๑๐๐ ล้านปีเพื่อการก่อตัว
     ในทางช้างเผือก ดาวฤกษ์ดวงหนึ่งในทุกๆสิบดวงอาจมีดาวเคราะห์ล้อมรอบมัน ดาวฤกษ์อยู่ห่างไกลมาก ดังนั้นดาวเคราะห์ที่อยู่ล้อมรอบมันจึงสลัวมาก ได้มีการสังเกตเห็นว่าดาวฤกษ์บางดวงส่ายไปส่ายมา อาจเป็นไปได้ที่มันถูกแรงดึงดูดจากดาวเคราะห์ที่มองไม่เห็น
     ได้มีตัวชี้แนะมากขึ้นเกี่ยวกับระบบสุริยะอื่นๆ จากดาวเทียมดาราศาสตร์อินฟาเรด รังสีอินฟราเรด (Infrared Rays) เป็นรังสีที่มีความยาวคลื่นระหว่างความยาวคลื่นของแสงกับคลื่นวิยุ เราสามรถสัมผัสรังสีอินฟาเรดในรูปของความร้อน ในปี ๑๙๘๓ ดาวเทียมดาราศาสตร์อินฟาเรดได้พบกลุ่มก๊าซที่เย็นตัวลงรอบๆดาวฤกษ์สี่สิบดวงใกล้ดวงอาทิตย์ ได้มีการถ่ายภาพกลุ่มก๊าซรอบๆดาวฤกษ์ดวงหนึ่งที่มีชื่อว่า เบต้า พิคโทริส (Beta Pictoris) กลุ่มก๊าซมีลักษณะคล้ายวงแหวนของฝุ่นและก๊าซที่คิดว่าดาวเคราะห์ได้ก่อตัวขึ้นมา เราสามารถเห็นขั้นตอนแรกๆของการก่อตัวดาวเคราะห์ใหม่

บันทึกการอ่านเรื่องที่๒๑

วันที่ ๒๕ เดือน มกราคม  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : ชาญชัย อาจินสมาจาร ดาวฤกษ์ที่น่ารู้จัก
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ สำนักพิมพ์อักษรวัฒนา  หน้า ๔๓ - ๕๖


ดาวฤกษ์คู่


     สองร้อยปีมาแล้ว นักดาราศาสตร์ชื่อ วิลเลียม เฮอร์เซล ได้มองดูดาวฤกษ์หลายดวงอย่างใกล้ชิด เขาพบว่าดาวฤกษ์บางดวงมีดาวดวงหนึ่งอาจอยู่ไกลจากเรามากกว่าดาวฤกษ์อีกดวง เราจะเห็นมันเรียงเป็นแถวเมื่อมองจากพื้นโลก ดาวฤกษ์ที่มีลักษณะเช่นนี้เรียกว่า ดาวคู่ที่มองด้วยสายตา
     อย่างไรก็ตามในอีกหลายๆกรณี เมื่อมีการมองเห็นดาวฤกษ์สองดวงอยู่ใกล้กัน โดยความจริงแล้ว มันเป็นส่วนหนึ่งของระบบดาวฤกษ์แฝด มันก่อตัวที่เรียกว่า ทวิภาค (Binary) ดาวฤกษ์สองดวงเกิดขึ้นด้วยกัน มันอยู่ด้วยกันด้วยแรงดึงดูดของกันและกันตลอดอายุของมัน ดาวฤกษ์บนท้องฟ้าส่วนใหญ่เป็นคู่แฝดหรือไม่ก็เป็นสามดวงบ้างก็มีมากกว่านี้
     ดาวคู่แฝดจะหมุนรอบกันและกัน บางครั้งดาวฤกษ์ดวงหนึ่งจะหมุนผ่านด้านหน้าของอีกดวงในขณะที่เราศึกษามันจากพื้นโลก ดาวฤกษ์คู่หนึ่งซึ่งเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวเรียกว่าทวิภาคอุปราคา
     ดาวฤกษ์คู่หนึ่งมีชื่อว่า แอลกอล (Algol) มันอยู่ในกลุ่มดาวเปอร์ซีอุส ดาวฤกษ์สองดวงของแอลกอลอยู่ใกล้ชิดกันมากจนดูคล้ายเป็นดาวฤกษ์ดวงเดียวถึงแม้จะมองด้วยกล้องโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่สุดทุกๆ ๒ วัน และ ๒๑ ชั่วโมง ดาวฤกษ์ดวงหนึ่งจะหมุนผ่านด้านหน้าของดาวฤกษ์อีกดวง ด้วยเหตุนี้ความสว่างของแอลกอลจึงลดเหลือหนึ่งในสามของความสว่างปกติ ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวกินเวลาสิบชั่วโมง

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2559

บันทึกการอ่านเรื่องที่๒๐

วันที่ ๒๔ เดือน มกราคม  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : ลีลาภาษา วิตามินศัพท์ 
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ บริษัท พริ้นท์ ซิตี้ จำกัด  หน้า ๗๑- ๙๐


รากศัพท์ที่เกี่ยวกับตาหรือการมอง


vision
     
     [ วิเชิ่น ] แปลว่า วิสัยทัศน์ เป็นความสามารถในการวางแผนสำหรับอนาคต หรือความสามารถในการมองเห็นด้วยปัญญา
จาก vision นังสาวต่อไปได้อีกเป็น visionless [ วิเชิ่นเหลส ] นี่เป็นการใส่บั้นท้าย less เพิ่มเข้าไปให้ vision ได้ความหมาย             ใหม่ในทางตรงกันข้ามว่า ไม่มีวิสัยทัศน์ หรือขาดความสามารถในการวางแผนสำหรับอนาคต (-less เป็นบั้นท้ายของคำศัพท์จำนวนมากในภาษาอังกฤษ มีความหมายว่า "ปราศจาก")

tele + vision

     [ เท้ลเหลอะวิเชิ่น ] ก็มีหัวใจ "vis" อยู่ในตัว คำนี้คงไม่จำเป็นต้องบอกคำแปลว่าคืออะไร เพราะใครๆเขาก็รู้กันว่าความหมายของมันคือโทรทัศน์ tele (เทเล) มีความหมายว่า ระยะไกล จับคู่กับคำไทยว่า โทร (อ่านว่า โท-ระ) tele...โท-ระ...ระยะไกล จำง่ายมากเลย vision มีความหมายเกี่ยวกับการเห็น เมื่อดอามาต่อกับ tele ที่แปลว่าระยะไกล จึงหมายถึงสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ แม้ว่ามันจะถูกส่งมาจากสถานีโทรทัศน์ที่อยู่ห่างไกลออกไปเป็นร้อยๆกิโเมตร

visual

     [ วิช่วล ] แปลว่า เกี่ยวกับการเห็น ส่วน visualize [ วิช่วลหล่ายสฺ ] เป็นคำกริยาต่อเนื่องมาจากคำว่า visual อีกทอดหนึ่ง มีความหมายว่า นึกเห็นภาพอยู่ในใจ สร้างภาพขึ้นมาในความคิด หรือมีจินตนาการ คำนามของมันคือ visualization [ วิช่วลหล่ายเซ้เชิ่น ] เพียงแค่ใส่คำว่า "การ" ไปข้างหน้า ก็เป็นคำแปลของคำนามแล้วว่า การนึกเห็นภาพในใจ การสร้างภาพขึ้นมาในความคิด หรือการใช้จินตนาการ

บันทึกการอ่านเรื่องที่๑๙

วันที่ ๒๔ เดือน มกราคม  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : ลีลาภาษา วิตามินศัพท์ 
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ บริษัท พริ้นท์ ซิตี้ จำกัด  หน้า ๘ - ๒๑


การเชื่อมโยงไปหาความหมายของคำศัพท์โดยผ่านเครื่องช่วยจำที่เรียกว่า Mnemonic


Mnemonic อ่านว่า เน-โม-หนิค มีความหมายว่า memory aid หรือเครื่องช่วยจำ
วิธีนี้เป็นแบบฟรีสไตล์ เป็นกลวิธีของใครของมัน สามารถสร้างสรรค์กันขึ้นมาเองโดยอาจจะเป็นภาพประกอบ ความคล้องจองของเสียง เรื่องที่กระทบอารมณ์อย่างแรง เรื่องตลก เรื่องแปลกประหลาด หรือบางครั้งอาจออกไปทางทะลึ่งๆ
กลวิธีอะไรกฌได้ที่ช่วยให้เราจดจำได้ดีสามารถเอามาใช้ได้หมด สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราจำได้ดีและจำได้นานกว่าปกติ ดูตัวอย่างคำที่เพิ่งผ่านมาเมื่อสักครู่ เช่น
youth      (ยูธ)      ที่แปลว่า เยาวชน ก็คือให้เชื่อมไปหาคำว่า
young     (ยัง)      ที่แปลว่า ยังวัยอ่อน
teenager    (ทิ้นเอจเจอะ)     ที่แปลว่า วัยรุ่น ดูให้ดีจะเห็นว่ามี ten ที่แปลว่า สิบ แอบแฝงอยู่
ส่วนคำว่า adolescence  (อะดอลเล้สเส่นสฺ)  ก็จะจำได้ง่ายขึ้น หากมองให้เห็นว่าศัพท์ตัวนี้มีคำว่า
adult  (อะดั๊ลทฺ)  ซึ่งแปลว่า ผู้ใหญ่ แฝงอยู่ในตัวด้วย  (adol ออกเสียงคล้ายๆ adult)  เพราะวัยรุ่นหรือ adolescence ที่ว่านี้ก็คือคนที่กำลังจะกลายเป็นผู้ใหญ่ในอีกไม่นาน


          youth --------> young
          
          ten = 10 + ager
         
          adolescence
          adol
          adult

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559

บันทึกการอ่านเรื่องที่๑๘

วันที่ ๒๔ เดือน มกราคม  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : นิพนธ์พงศ์ พานิช (หมอต้น) ภูมิแพ้ แพ้ภูมิ รักษาได้ง่ายนิดเดียว 
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ สำนักพิมพ์ SMART BOOK ในเครือสนุกอ่าน  หน้า ๘๑ - ๙๒


โรคภูมิแพ้เป็นเกิดจากอะไร


     สาเหตุของอาการภูมแพ้นั้น มีทั้งเกิดมาจากกรรมพันธู์และเกิดจากการได้รับสารก่อภูมิแพ้ในภายหลัง ซึ่งอาจเป็นจากการหายใจ การสัมผัส การกิน หรือแม้กระทั่งการฉีดสารก่อแพ้เข้าสู่ร่างกาย สารก่อภูมิแพ้ได้แก่ ไรฝุ่น แมลงสาบ รังแค ขนสัตว์ ควันบุหรี่ ยา อาหาร หรือแมลงบางชนิด มลพิษในอากาศ และความเครียด
     กรรมพันธุ์
ภูมิแพ้มีความสัพันธุ์อย่างใกล้ชิดกับกรรมพันธุ์ ถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ร้อยละ ๕๐  และโอกาสที่รุ่นหลานจะเป็นโรคตามมาจะมีมากกว่า ๘๐ % ถ้าพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้คนเดียว ลูกมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ร้อยละ ๓๐ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าพ่อและแม่ไม่เป็นโรคภูมิแพ้เลย ลูกก็ยังมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้ถึงร้อยละ ๑๕ ผู้ที่เป็นภูมิแพ้จากกรรมพันธุ์ อาจจะไม่สำแดงอาการจนกว่าจะได้รับการกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้ บางคนจึงแทบไม่มีโอกาสได้แสดงอาการของโรคภูมิแพ้เลย เพราะทั้งชีวิตไม่เคยไปสัมผัสสิ่งเร้าหรือสารก่อแพ้ที่ตัวเองได้รับมาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม

บันทึกการอ่านเรื่องที่๑๗

วันที่ ๒๔ เดือน มกราคม  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : นิพนธ์พงศ์ พานิช (หมอต้น) ภูมิแพ้ แพ้ภูมิ รักษาได้ง่ายนิดเดียว 
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ สำนักพิมพ์ SMART BOOK ในเครือสนุกอ่าน  หน้า ๖๓ - ๘๐


โรคภูมิแพ้เป็นการเจ็บป่วยในโลกศิวิไลซ์


     โรคภูมิแพ้ เป็นการตอบสนองที่มากเกินไปของระบบภูมิคุ้มกัน โรคนี้ส่วนมากจะสงวนไว้ให้เป็นเฉพาะคนในโลกที่พัฒนาแล้ว ซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายมากในสังคมสมัยใหม่ยุคห่างไกลธรรมชาติ อาการของโรคภูมิแพ้ ได้แก่ มีน้ำมูกใสๆไหลตลอดเวลาร่วมกับอาการอักเสบบวมของโพรงจมูก จากไข้ละอองฟางหรือตามด้วยอาการหอบหืดจากหลอดลมส่วนล่างหดเกร็งหรือบีบตัว แต่ถ้ายังไม่พอก็ขอเพิ่มภูมิแพ้ผิวหนังที่เกิดเป็นผื่นแพ้ซึ่งมีทั้งการอักเสบ บวมแดง และคัน แถมพ่วงมาด้วย
     ปัจจุบันผู้ป่วยโรคภูมิแพ้กำลังทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก เมื่อลองสำรวจแล้วแบ่งกลุ่มผู้ป่วยออกตามอายุและพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ พบว่าในปัจจุบันมีผู้ป่วยภูมิแพ้ถึง ๑ ใน ๒ ของจำนวนประชากรโลก อันเนื่องจากสาเหตุต่างๆกันโดยจะพบมากที่สุดในวัยเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ๆจะมีสัดส่วนของเด็กที่ป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ถึง ๒ ใน ๓ เลยทีเดียว
     จากการสำรวจของศูนย์สุขภาพและพัฒนาเด็กแห่งชาติของญี่ปุ่น พบว่ามีแนวโน้มของคนญี่ปุ่นที่เกิดในช่วง ค.ศ. ๑๙๗๐ - ๑๙๗๙ จะป่วยเป็นโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผูคนในเมืองใหญ่ๆจะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้สูงถึง ๙๐%

บันทึกการอ่านเรื่องที่๑๖

วันที่ ๒๔ เดือน มกราคม  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : มิสึฮะรุ โอยะมะ วิทยาศาสตร์มหัศจรรย์
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด  หน้า ๑๘ - ๓๐


ทำไมฟอกสบู่แล้วสะอาด


     เวลาอาบน้ำหรือล้างมือเราต้องฟอกสบู่ ถ้าใช้น้ำอย่างเดียวจะล้างสิ่งสกปรกไม่ออก แต่พอฟอกสบู่สิ่งสกปรกก็จะหลุดออกจนสะอาดเอี่ยม สิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามร่างกายล้างออกได้ยาก เพราะว่ามีไขมันที่ร่างกายขับออกมาปนอยู่ด้วย ไขมันจะไม่ละลายน้ำ ดังนั้นน้ำเปล่าๆจึงชะล้างสิ่งสกปรกให้หลุดออกไปได้ 
     สบู่จับสิ่งสกปรกที่มีไขมันปนอยู่ได้ โดยจะเข้าล้อมรอบไขมันและสิ่งสกปรก และแยกให้หลุดออกจากร่างกาย พอใช้น้ำล้างสบู่ออก ไขมันและสิ่งสกปรกที่ถูกสบู่ล้อมไว้ก็จะไหลออกไปพร้อมกับน้ำ ด้วยเหตุนี้เองการฟอกสบู่จึงทำให้ร่างกายสะอาด 
     คราบเปื้อนที่ติดตามภาชนะถ้วยชาม เมื่อล้างด้วยน้ำยาล้างจานก็จะสะอาด เนื่องจากเหตุผลเดียวกัน 

บันทึกการอ่านเรื่องที่๑๕

วันที่ ๒๔ เดือน มกราคม  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : มิสึฮารุ โอยะมะ วิทยาศาสตร์มหัศจรรย์
          พิมพ์ครั้งที่ ๑ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด หน้า ๓ - ๑๕


สัตว์มหัศจรรย์ นกยักษ์ที่เคยมีอยู่จริงในโลก


     ใครเคยอ่านนิทานเรื่อง "ซินแบดผจญถัย" ที่อยู่ในนิทานชุด "อาหรับราตรี" บ้าง ? ในเรื่องนี้ ซินแบดผูกตัวเองกับขานกร็อกบินไปในท้องฟ้า แล้วนกร็อกก็พาซินแบดไปที่หุบเขาเพชรถึงนกร็อกจะเป็นแค่นกในนิทาน แต่ก็เชื่อกันว่าเป็นนกที่มีต้นแบบมาจากนกยักษ์ที่เคยมีชีวิตอยู่จริงๆในโลก 
     นกที่ว่าคือนกช้าง ที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะมาดากัสการ์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกา แต่น่าเสียดายที่นกช้างบินไม่ได้เหมือนกับนกร็อก นกช้างสูงถึง ๓ เมตร หนักถึง ๔๕๔ กิโลกรัม นกกระจอกเทศซึ่งสูง ๒ - ๒.๗ เมตร หนัก ๑๓๐ - ๑๖๐ กิโลกรัม จัดว่าเป็นนกตัวใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน ก็ยังสู้นกช้างไม่ได้เลย หากจะพูดถึงนกตัวใหญ่ๆที่ประเทศนิวซีแลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นเกาะ ก็เคยมีนกตัวใหญ่มาก นั่นก็คือ นกโมอา ซึ่งบินไม่ได้โดยดฉพาะนกโมอายักษ์ที่สูงกว่านกช้าง โดยสูงเกือบ ๔ เมตร แต่ปัจจุบันทั้งนกช้างและนกโมอาได้สูญพันธ์ไปแล้ว สาเหตุเพราะมนุษย์บุกรุกทำลายป่าที่พวกนกอาศัยอยู่ เพื่อใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกหรือเป็นที่อยู่อาศัย และยังมีการล่านกมาเป็นอาหารด้วย เนื่องจากทั้งนกช้างและนกโมอาเป็นนกที่บินไม่ได้ ดังนั้นเมื่อถูกบุกรุกจนสูญเสียถิ่นที่อยู่ไป ก็ย้ายถิ่นไปยังเกาะอื่นๆไม่ได้ นกทั้งสองชนิดได้สูญพันธ์ไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน ปัจจุบันเราจึงไม่มีโอกาสได้เห็นอีก

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559

บันทึกการอ่านเรื่องที่๑๔

วันที่ ๑ เดือน มกราคม  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : ฟิลิป สตีล ชาวอียิปต์สร้างปิรามิด
          พิมพ์ครั้งที่ ๒ บริษัท โกรเลียร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด  หน้า ๒ - ๑๙



ทำไมจึงเรียกชาวอิยิปต์ว่าเป็นคนโบราณ


     เราเรียกชาวอียิปต์ว่าคนโบราณ เพราะพวกเขาเคยมีชีวิตอยู่ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว มิใช่เพราะพวกเขสมีอายุยืนจนแก่เฒ่าหรอก เมื่อ ๘,๐๐๐ ปีที่แล้วมา ชาวอียิปต์พวกแรกๆเป็นชาวนา แต่ภายในช่วงเวลาอีกสองถึงสามพันปีจากนั้น อียิปต์ได้กลายเป็นประเทศที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ดินแดนของอิยิปต์ส่วนมากเป็นทะเลทรายที่เต็มไปด้วยทรายและปราศจากพืชพันธุ์ ชาวอียิปต์โบราณตั้งบ้านเรือนอยู่ตามริมฝั่งของน้ำไนล์ ที่ซึ่งมีน้ำอุดมสมบูรณ์เพียงพอสำหรับพวกเขาและพืชพันธุ์ ชาวอียิปต์มักจะสร้างสุสานอุทิศให้กษัตริย์ผู้ล่วงลับไว้ตามริมฝั่งแม่น้ำด้านทิศตะวันตก ที่ซึ่งดวงอาทิตย์หายลับขอบฟ้าพวกเขาเชื่อว่ากษัตริย์ทั้งหลายจะได้พบกับสุริยะเทพหลังจากล่วงลับไปแล้ว ชาวอียิปต์โบราณมิได้มีความรู้เกี่ยวกับดินแดนต่างๆอันห่างกลในโลก แต่พวกเขาก็ได้สำรวจพื้นที่ส่วนต่างๆของทวีปเอเชียและแอฟริกา พ่อค้าอียิปต์นำไม้ ทองคำ งาช้าง เครื่องเทศ รวมทั้งลิงมาจากบ้านเมืองข้างเคียง

บันทึกการอ่านเรื่องที่๑๓

วันที่ ๑ เดือน มกราคม  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : คาโรล สต๊อต ดาวกระพริบแสง
          พิมพ์ครั้งที่ ๒ บริษัท โกรเลียร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด  หน้า ๓๖ - ๕๐



บนท้องฟ้ามีดาวเคาระห์ทั้งหมดกี่ดวง


     โลกของเราซึ่งเป็นดาวเคาระห์ และมีเพื่อนบ้านรวมทั้งหมดอีกแปดดวง พวกมันทั้งหมดรวมกันเป็นครอบครัวดาวเคราะห์เก้าดวง เดินทางโคจรไปรอบดวงอาทิตย์ เราเรียก ดวงอาทิตย์และมวลเทหอวกาศ (Space bodies) ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ว่า ระบบสุริยะ (Solar system) นอกเหนือจากดวงอาทิตย์และบรรดาดาวเคราะห์ต่างๆ ระบบสุริยะยังประกอบไปด้วย ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์ขนาดจิ๋วที่เรียกว่า ดาวเคราะห์น้อย (Asteroid) แลดาวหาง (Comet) อีกจำนวนมาก
      ดาวหางก็คือ ก้อนน้ำแข็งสกปรกขนาดมหึมา ดาวหางส่วนมากจะโคจรอยู่บริเวณขอบนอกของระบบสุริยะ แต่มีดาวหางบางดวงที่โคจรเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ เดาวหางเหล่านี้สะสมก๊าซ และฝุ่นละอองเป็นหางเรืองแสงยาวหลายล้านกิโลเมตร ขณะที่ความร้อนจากดวงอาทิตย์จะทำให้มันค่อยๆละลายไป
      ดาวเคราะห์น้อยนับล้านๆดวงโคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์ในแถบอวกาศที่อยู่ระหว่าง ดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี บางดวงมีขนาดเล็กเท่าเม็ดทราย บางดวงมีขนาดเท่ากับบ้าน และมีสองสามดวงที่มีขนาดใหญ่เท่ากับประเทศอังกฤษ

บันทึกการอ่านเรื่องที่๑๒

วันที่ ๑ เดือน มกราคม  พ .ศ. ๒๕๕๙
ที่มา : คาโรล สต๊อต ดาวกระพริบแสง
          พิมพ์ครั้งที่ ๒ บริษัท โกรเลียร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด  หน้า ๑๔ - ๒๕



ดวงอาทิตย์มีความร้อนเพียงใด


     ดวงอาทิตย์ของเราก็เช่นเดียวกับดาวฤกษ์อื่นๆทั้งหลาย มันเป็นกลุ่มก๊าซร้อนจัดมหึมาบริเวณใจกลางของดวงอาทิตย์ เป็นบริเวณที่มีความร้อนสูงที่สุด โดยมีอุณหภูมิประมาณ ๑๕ ล้านองศาเซลเซียส รอบนอกของดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิต่ำกว่ามาก คือมีความร้อนราว ๖,๐๐๐ องศาเซลเซียส แต่นั่นก็ยังมีความร้อนสูงกว่าเตาอบในครัวที่บ้านของเราถึง ๒๕ เท่า
     สีดำเป็นหย่อมๆบนดวงอาทิตย์เรียกว่า จุดดับ (Sunspot) บนดวงอาทิตย์ มันเกิดขึ้นแล้วก็หายไปบนผิวของดวงอาทิตย์ พวกมันทำให้ดูคล้ายกับว่าดวงอาทิตย์เป็นอีสุกอีใส จุดดับบนดวงอาทิตย์มีสีดำ เนื่องจากบริเวณนั้นมีอุณหภูมิต่ำและเปล่งแสงออกมาได้น้อยกว่าบริเวณอื่นของดวงอาทิตย์ จุดดับบนดวงอาทิตย์ส่วนมากมีขนาดใหญ่กว่าโลกของเราเสียอีก
     ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ดวงเดียวที่อยู่ใกล้โลกของเรามากพอที่จะทำให้เรารู้สึกร้อน ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เราดวงถัดไปคือ พร๊อกซิมา เซนทอรี (Proxima Centauri) แสงของดวงอาทิตย์ของเราใช้เวลา ๘.๓ นาทีเพื่อเดินทางมายังโลก แต่แสงของพร๊อกซิมา เซนทอรี่ใช้เวลาถึง ๔.๓ ปี